การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ์

1. การเตรียมการก่อนปลูก

1.1 การเตรียมดิน 1) ขุดหรือไถพรวนเพื่อให้ดินร่วนซุย 2) หากวัชพืชมีไม่มากให้ทำการไถพรวนครั้งเดียว ถ้ามีมากให้ไถพรวน 2 ครั้ง คือ ไถดะ เปิดหน้าดิน และตาก ดินไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงไถแปร ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก

1.2 การเตรียมพันธุ์ 1)ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ใช้เมล็ดจากฝักแก่จัด เมล็ดต้องมีสีน้ำตาลแดง ลักษณะสมบูรณ์ปราศจากโรคและ แมลง 2) เนื่องจากเมล็ดมีเปลือกแข็ง ก่อนปลูกแช่เมล็ดในน้ำที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 6-12 ชั่วโมง เพื่อให้น้าซึม ผ่านเมล็ดและเมล็ดสามารถงอกได้

2. การปลูก

ฟ้าทะลายโจรสามารถปลูกได้หลายวิธี ดังนี้

2.1. การปลูกแบบหว่าน นาเมล็ดมาผสมทรายหยาบ อัตรา 1:1-2 ใช้เมล็ด 100-400 เมล็ดต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร วิธีนี้เกษตรกรนิยมแต่มีข้อจำกัด คือทาให้สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์ ซึ่งมีราคาสูง

2.2. การปลูกแบบโรยเมล็ดเป็นแถว ขุดร่องตื้นๆเป็นแถวยาว โรยเมล็ดและกลบดินบางๆ ระยะปลูกระหว่างแถว ประมาณ 40 เซนติเมตร ใช้เมล็ดประมาณ 50-100 เมล็ดต่อความยาว 1 เมตร วิธีนี้ทาให้สามารถกำจัดวัชพืชซึ่งเป็น ปัญหาสำคัญได้สะดวก

2.3. การปลูกโดยใช้กล้า มีขั้นตอนดังนี้ 1). เพาะกล้าในถาดเพาะกล้า หรือเตรียมแปลงเพาะโดยยกแปลงกว้าง 1 เมตร สูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองพื้น ½-1 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร 2) การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ลึกประมาณ 8-12 เซนติเมตร เป็นแถว ให้มี ระยะปลูกระหว่างต้น 20-30 เซนติเมตร และระหว่างแถว 40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมประมาณ 125 กรัมต่อ หลุม และคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน 3) ย้ายกล้าปลูก เมื่อกล้ามีอายุประมาณ 30 วัน ก่อนย้ายกล้า รดน้ำแปลงให้ชุ่ม แล้วจึงใช้ช้อนขุดหรือเสียม แซะกล้าไปปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม หลังปลูกรดน้ำทันที

3. การดูแลรักษา

3.1 การคลุมแปลง : โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกเป็นที่โล่งแจ้ง ลมพัดแรงจัด แดดจัด ฝนตกชุก ควรคลุมแปลงด้วยฟาง หรือใบหญ้าคาบางๆ เพื่อลดการชะล้างของน้า ความชื้น ทาให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น

3.2 การปลูกซ่อม : หลังจากปลูกแล้วประมาณ 7-15 วัน ถ้าพบว่าต้นกล้าที่ปลูกตายหรือไม่งอก ควรปลูกซ่อมทันที

3.3 การถอนแยก : หลักจากปลูกแล้วประมาณ 30-45 วัน ถ้าพบว่าต้นกล้าที่ขึ้นแน่นมากเกินไป ให้ทำการถอน แยกไปปลูกในแปลงอื่น

3.4 การใส่ปุ๋ย :  1) แบ่งใส่เป็นระยะ ดังนี้ – อายุ 60 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 125 กรัมต่อต้น หรือ 300-400 กรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร – อายุ 90-110 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 300-500 กรัม ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร

4 วิธีการใส่ปุ๋ย

4.1 แบบหว่าน ต้องหว่านให้กระจายสม่ำเสมอ หลังหว่านแล้วต้องรดน้ำทันที อย่าให้ปุ๋ยค้างที่ใบ – แบบโรยหรือหว่านเป็นแถว ตามแนวขนานระหว่างแถวปลูกห่างจากแถวปลูกประมาณ 10-15 เซนติเมตร โดยขุดเป็นร่อง ใส่ปุ๋ยพรวนดินกลบ เหมาะกับการปลูกแบบโรยเป็นแถว

4.2 แบบหยอดโคน ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นประมาณ 10 เซนติเมตร โดยขุดหลุมฝังกลบดินหรือโรยรอบๆโคนต้นแล้วพรวนดินกลบก็ได้ เหมาะกับการปลูกแบบมีระยะปลูก

4.3 การให้น้า : ระยะ 30-60 วันแรกหลังจากปลูก ถ้าแดดจัด ควรให้น้าวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ถ้าแดดไม่จัดควรให้น้าวันละครั้ง หลังจากอายุ 60 วันไปแล้วอาจให้น้าวันเว้นวันก็ได้ หรือให้ตามความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่และสภาพอากาศ

5.โรคและศัตรูพืชที่สำคัญ

5.1 วัชพืช : ควรกำจัดโดยการถอนโดยเฉพาะในระยะแรกปลูกถึง 2 เดือน กำจัดวัชพืชทุกครึ่งเดือนจนกระทั้งฟ้าทะลายโจรเจริญคลุมแปล

5.2 โรค : ไม่พบโรคที่ทาความเสียหายรุนแรง เพียงแต่ทาความเสียหายเล็กน้อย ได้แก่ โรคโคนเน่าและรากเน่าจากเชื้อราหากพบให้ถอนทำลายทันที โรคแอนเทรคโนส พบตรงกลางหรือปลายใบ หากพบให้ตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้ง

5.3 แมลง : ไม่พบแมลงชนิดใดที่ทาความเสียหายรุนแรง

6. การปฏิบัติก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว

6.1 เก็บเกี่ยวในช่วงที่พืชออกดอกตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบาน 50% เป็นช่วงที่มีสารสำคัญสูง โดยพบมาที่ส่วนยอดและใบ วิธีการเก็บเกี่ยวให้ตัดทั้งต้นให้เหลือตอสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อให้เจริญให้ผลผลิตต่อไป ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง

6.2 การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว นำไปคัดแยกสิ่งปนปลอม เช่นวัชพืชที่ปะปนมา และล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ผึ่งให้แห้ง ทาแห้งโดย ตากแดดบนลานตากยกพื้นมีวัสดุรองรับที่สะอาด หรือใช้เครื่องอบแห้งแบบลมร้อน ที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสใน 8 ชั่วโมงแรก และลดอุณหภูมิเหลือ 40-45 องศาเซลเซียส อบต่อจนแห้งสนิท

7. สารสำคัญออกฤทธิ์

7.1 มีสารสำคัญประเภท ไดเทอร์ฟีน แลคโตน (diterpene lactones) ได้แก่ แอนโดรการโฟไลด์ (andrographolide) มีฤทธิ์ลดไข้ และต้านอักเสบ และ ดีออกซี แอนโดรการโฟไลด์ (deoxyandrographolide) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของท้องร่วง มาตรฐานของฟ้าทะลายโจรที่ใช้ในการผลิตยาจะต้องมี andrographolide ไม่น้อยกว่า 6% โดยน้ำหนัก

8. สรรพคุณ

8.1 รักษาอาการไข้ ลำไส้อักเสบ ปอดอักเสบ คอเจ็บ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ

8.2  รักษาอาการไข้ทั่วไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่

8.3  อาการติดเชื้อซึ่งมีการปวดท้อง ท้องเสีย บิดและกระเพาะลำไส้อักเสบ

9. การใช้ประโยชน์ฟ้าทะลายโจร

9.1 กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ฟ้าทะลายโจรอยู่ในบัญชียาหลัก(สมุนไพร) นอกจากนี้ยังมีการใช้ในปศุสัตว์โดยฟ้าทะลายโจรใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสุกรและไก่ เพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ

ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร

Recent Posts