การแปรรูปปลาสลิด – การทำปลาสลิดเค็มเป็นการแปรรูปอย่างหนึ่งซึ่งช่วยถนอมปลาสลิตให้สามารถเก็บไว้บริโภคได้เป็นเวลานานมากขึ้น เป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วทุกภูมิภาค ทั้งยังส่งเป็นสินค้าออกอีกส่วนหนึ่งด้วย ปลาสลิเค็มแห้งที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป อาจแยกได้เป็น 2 ประเภท
ปลาจืดหรือปลาหอม – ได้แก่ ปลาที่หมักเกลือแต่น้อย ระยะเวลาในการหมักเกลือประมาณ 1 คืน แล้วล้างเกลือออกจนเกือบหมดจึงนำออกตากแดด 1 -2 วัน คุณภาพของปลาที่ได้จะหอมอร่อยและไม่เค็มจัด แต่ข้อเสียของปลาจืด คือ เนื้อปลาจะแห้งแข็งและลักษณะภายนอกดูเหี่ยวย่นไม่ดึงดูดผู้ซื้อ ดังนั้น ผู้ผลิตมักจะคัดปลาขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และอาจเติมสารปรุงรส เพื่อให้เนื้อปลาไม่แห้งแข็งมีสีสวยและกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งจะเรียกกันว่า ปลาหอม ส่วนใหญ่ผู้แปรรูปมักจะจำหน่ายปลีกด้วยตนเอง และตั้งราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง
ปลาเค็ม – ได้แก่ ปลาที่หมักเกลือในอัตราสูงและตากแดด 1-2 วันคุณลักษณะปลาชนิดนี้ เนื้อนุ่มรสค่อนข้างเค็มจนถึงเค็มจัด ไม่ค่อยหอมลักษณะภายนอก ปลาจะเต่งตึงแต่ค่อนข้างขึ้น ผิวไม่เงามัน ดังนั้นผู้จำหน่ายมักจะเช็ดผิวปลาด้วยน้ำมันให้ปลาดูเป็นเงา ส่วนใหญ่ผู้ผลิตมักจะผลิตเป็นปริมาณมากและจำหน่ายยังตลาดขายส่ง เกี่ยวกับคุณลักษณะและรสชาตินั้น พบว่าผู้บริโภคนิยมเลือกปลาสลิดเค็มตากแห้งที่ลักษณะภายนอกผิวเป็นเงามัน ไม่มีฝ้าขาว เนื้อค่อนข้างใสแห้งกำลังดี ไม่และหรือแข็งกระด้าง กลิ่นหอมเฉพาะตัว ไม่มีกลิ่นโคลนหรือกลิ่นหืน อับ เหม็นเน่า
วิธีรับประทานปลาสลิด – ก่อนทอดถ้าจะให้ดีขึ้นควรนึ่งก่อน แล้วค่อยๆ แซะก้างใหญ่ตรงกลางออก ประกบไว้เหมือนเดิมแล้วทอดจะได้ปลาสลิดไม่มีก้างกินอร่อยหรือทอดอย่าให้สุก ทุบตรงสันกลางปลาเบา ๆ อย่าให้หนังฉีกนำลงทอดใหม่ให้สุกเนื้อปลาจะฟู อร่อย ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นให้ทอดกรอบแกะเอาแต่เนื้อมายำกับมะม่วง ใส่พริกขี้หนู หอม กระเทียมใบสะระแหน่ และมะม่วงสับ ปรุงรสด้วยน้ำตาล ชิมรสให้ได้ตามชอบ
ที่มา : กรมประมง