พันธุ์หม่อน

พันธุ์นครราชสีมา 60
     ปี 2518 Kazushiro Yamakawa นำพันธุ์หม่อนที่นิยมปลูกในประเทศญี่ปุ่นมาปลูกศึกษาที่ศูนย์วิจัยหม่อนไหมนครราชสีมา เพื่อดูการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต ในปี 2523-2524 พินัย ห้องทองแดง นำเมล็ดที่เกิดจากการผสมตามธรรมชาติ (open-pollination) จากหม่อน 6 พันธุ์ คือ Kenmochi (90 ต้น) Shujakuichi (60 ต้น) Ichinose (90 ต้น) Nezumigeishi (90 ต้น) Kairyo Nezumigeishi (90 ต้น) และ Oshimaso (60 ต้น) รวมทั้งหมด 480 ต้น มาศึกษาลักษณะต่าง ๆ ในปี 2525 คัดเลือกหม่อนที่มีลักษณะดีไว้จำนวน 28 ต้น โดยได้จากพันธุ์ Kenmochi ,Shujakuichi,Ichinose,Kairyo Nezumigeishi พันธุ์ละ 5 ต้นและจาก Nezumigeishi และ Oshimaso พันธุ์ละ 4 ต้น แต่ละต้นใช้หมายเลขกำกับ (1-28) แล้วนำมาขยายพันธุ์โดยติดตาบนต่อหม่อนไผ่แล้วทำการคัดเลือกซ้ำได้หม่อนที่มีลักษณะตามต้องการ จำนวน 9 สายพันธุ์ ได้แก่ หมายเลข 7,8,9,10,14,17,18,19 และ 20
สายพันธุ์ Shujakuichi หมายเลข 18 (เพศเมีย) เป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะใบดี ระยะข้อปล้องถี่อายุใบยาว แต่มีการเจริญเติบโตที่ไม่ดีโดยเฉพาะในฤดูหนาว ได้ถูกคัดเลือกให้นำไปผสมกับหม่อนพันธุ์พื้นเมืองแก้วชนบท (เพศผู้) ซึ่งมีการเจริญเติบโตดี ใบมีขนาดเล็กและบาง ให้ผลผลิตต่ำ ในปี 2526-2527 ดำเนินการคัดเลือกหม่อนลูกผสมจากจำนวน 300 ต้น เหลือ 12 ต้น ได้แก่ KB1,KB2,KB3, KB5, KB6,7 KB13,KB16, KB17, KB20, KB24,และ KB28 ลูกผสมที่ได้มีลักษณะใบดี เนื้อใบมาก ระยะข้อปล้องถี่ อายุใบยาวและมีการเจริญเติบโตที่ดี

หม่อนพันธุ์รับรอง นครราชสีมา60
     ปี 2528-2530 ทำการเปรียบเทียบกับพันธุ์มาตรฐาน หม่อนน้อย ที่ศูนย์วิจัยหม่อนไหมนครราชสีมาสถานีทดลองหม่อนไหมสกลนคร สถานีทดลองเกษตรหลวงขุนวาง และในแปลงเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมาปรากฏว่า KB20 มีการเจริญเติบโตดี สามารถให้ผลผลิตและลักษณะทางการเกษตรอื่น ๆ ได้ดีในทุกสถานที่
ลักษณะเด่นของพันธุ์ KB20 คือ ให้ผลิตผลิตต่อไร่สูง 3,600 กิโลกรัม/ไร่ เจริญเติบโตได้ดีสภาพพื้นที่ทั่วไปมีความสามารถในการแตกกิ่งหลังตัดแต่งดีใบ มีลักษณะนุ่ม หนาปานกลางเหยี่ยวช้าหลังเก็บเกี่ยวใบมีคุณค่าทางอาหารสูงใกล้เคียงกับหม่อน น้อย ทรงต้นตั้งตรง สะดวกในการเขตกรรมและดูแลรักษานอกจากนี้ยังต้านทานต่อโรคราแป้งได้ดี และเพลี้ยไฟได้ระดับปานกลาง ข้อจำกัดของพันธุ์ KB20 คือท่อนนอกจากนี้ยังต้านทานต่อโรคราแป้งได้ดี และเพลี้ยไฟได้ระดับปานกลาง ข้อจำกัดของพันธุ์ KB20 คือท่อนพันธุออกรากยาก ควรชุบสารเร่งรากช่วย หรือขยายพันธุ์ด้วยวิธีติดตาลงบนต้นตอหม่อนพันธุ์ที่ออกรากง่าย
ผ่านการรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตรเมื่อเดือนตุลาคม 2530 ใช่ชื่อว่า “นครราชสีมา 60”

พันบุรีรัมย์ 60
     ในปี 2525 ไชยยงค์ สำราญถิ่น และ เธียรศักดิ์ อริยะ ผู้อำนวยการสถานีทดลองหม่อนไหมศรีษะเกษและบุรีรัมย์ ได้นำท่อนพันธุ์หม่อนหมายเลข 44 มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีการเจริญเติบโตดีใบใหญ่หนา ข้อปล้องถี่ ให้ผลผลิตต่อไร่สูง แต่ต้องขยายพันธุ์ด้วยการติดตาหรือเสียบกิ่ง ในขณะนั้นหม่อนน้อยที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก มีคุณภาพใบดีขยายพันธุ์ได้ง่าย แต่มีผลผลิตค่อนข้างต่ำ สถานีทดลองหม่อนไหมบุรีรัมย์จึงได้ทำการปรับปรุงพันธุ์หม่อนโดยการผสมหม่อนหมายเลข 44 (เพศเมีย) กับหม่อนน้อย (เพศผู้) เพื่อรวมลักษณะที่ดีเข้าด้วยกัน ในปี 2526 และทำการเพาะกล้าหม่อน 140 ต้น และคัดเลือกต้นที่ดีไว้ 58 ต้น
ปี 2527 ทำการขยายพันธุ์หม่อนที่คัดเลือกไว้ 58 ต้น โดยการปลูกด้วยพันธุ์แล้วคัดเลือกต้นที่ออกรากได้ดี สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยท่อนพันธุ์ และต้นทานต่อโรคใบด่าง
ในปี 2528 ทำการคัดเลือกต้นที่มีความแข็งแรง ปลูกง่าย ทรงพุ่มดี ใบใหญ่ และหนาไว้ 12 พันธุ์
ในปี 2529-2530 ทำการเปรียบเทียบผลผลิตใบหม่อนเพื่อคัดเลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงสุด โดยใช้หม่อน 5 พันธุ์ คือ บร.4,บร.5,บร.9,บร.10,บร.36 กับพันธุ์มาตรฐานหม่อนน้อย นอกจากนี้ยังได้นำไปปลูกทดสอบในไร่เกษตรกร นิคมสร้างตนเองบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นิคมสร้างตนเองปลอกแดง จ.ระยอง และโครงการศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา พบว่า พันธุ์ บร.9 ให้ผลผลิตสูงที่สุดในทุกสถานที่
ลักษณะเด่นของพันธุ์ บร.9 คือให้ผลผลิตต่อไร่สูง 4,328 กิโลกรัม/ไร่ มีการเจริญเติบโตและตอบสนองต่อปุ๋ยดี แตกกิ่งเร็วหลังตัดแต่ง ใบมีขนาดใหญ่ หนา อ่อนนุ่ม ไม่เหี่ยวง่าย ใบมีคุณค่าทางอาหารสูงใกล้เคียงกับหม่อนน้อย ทรงต้นตั้งตรง สะดวกในการเขตกรรมและดูแลรักษา นอกจากนี้ยังต้านทานต่อโรคใบด่างและทดทานต่อโรคราแป้งได้ดีกว่าหม่อนน้อย ข้อจำกัดของพันธุ์ บร.9 คือ ไม่เหมาะกับการปลูกในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ หรือปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ

พันธุ์บุรีรัมย์ 51
     ปี 2526 เธียรศักดิ์ อริยะ ผู้อำนวยการสถานีทดลองหม่อนไหมบุรีรัมย์ได้ทำการผสมพันธุ์หม่อนสายพันธุ์ LLIN JIO No.40 (เพศเมีย) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งออกรากยากกับหม่อนน้อย (เพศผู้) ที่เป็นพันธุ์พื้นเมือง ดำเนินการคัดเลือกจนได้สายพันธุ์ บร.51 ต่อมาในปี 2529 ได้ปลูกเปรียบเทียบผลผลิตที่สถานีทดลองหม่อนไหมบุรีรัมย์ สกลนคร เลย หนองคาย ตาก และศูนย์วิจัยหม่อนไหมอุดรธานี พบว่าพันธุ์ บร.51 สามารถเจริญเติบโตได้ดีในเขตนำฝนและพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ในปี 2535-2540 ปลูกทดสอบผลผลิตในสภาพท้องถิ่นในโครงการวิจัยพันธุ์ รับรองพันธุ์ และกระจายพันธุ์ ของศูนย์วิจัยหม่อนไหมอุดรธานีและเครือข่าย ปรากฏว่าพันธุ์ บร.51 สามารถให้ผลผลิตที่ดีในแต่ละแห่งที่ทดสอบ
ลักษณะเด่นของพันธุ์ บร.51 คือ ให้ผลผลิตสูงปานกลาง 1,960 กิโลกรัม/ไร่ ปลูกได้ในทุกสภาพพื้นที่ มีความทนทานต่อสภาวะแห้งแล้งได้ดีกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ท่อนพันธุ์ออกรากง่าย ใบมีความอ่อนนุ่ม ก้านใบสั้น มีข้อปล้องถี่ คุณภาพของใบดีเหมาะสำหรับเลี้ยงไหม ทรงต้นตั้งตรง สะดวกต่อการเขตกรรมและดูแลรักษา นอกจากนี้ยังด้านทานต่อโรคใบด่างปานกลาง

พันธุ์หม่อนศรีษะเกษ 33
     ปี 2528 ประทีป มีศิลป์ ได้ผสมเปิดหม่อนพันธุ์ Jing Mulberry ที่มณฑลกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน และนำเมล็ดพันธุ์มาเพาะและย้ายปลูกคัดเลือกเบื้องต้นจำนวน 1,040 ต้น ที่สถานีทดลองหม่อนไหมศรีษะเกษ ทำการคัดเลือกพันธุ์ตามขั้นตอนต่าง ๆ ของการปรับปรุงพันธุ์ในศูนย์วิจัยหม่อนไหมศรีษะเกษสถานีทดลองหม่อนไหมร้อยเอ็ด สถานีทดลองหม่อนไหมสุรินทร์ สถานีทดลองหม่อนไหมชัยภูมิ และสถานีทดลองหม่อนไหมพุทไธสง จนได้หม่อนสายพันธุ์ ศก.33 ที่ให้ผลผลิตสูงและเหมาะต่อการเลี้ยงไหมได้เป็นอย่างดีต่อมาในปี 2533 ได้ทดสอบความต้านทานต่อโรคใบด่างร่วมกับกองโรคพืชและจุลชีววิทยาและศูนย์วิจัยพืชสวนศรีษะเกษพบว่า หม่อนสายพันธุ์ ศก.33 มีความต้านทานต่อโรคใบด่างได้เป็นอย่างดีและในปี 2536 ได้ทดสอบพันธุ์หม่อนในภาคเกษตรกรและปลูกในโครงการพระราชดำริที่ไร่เกษตรกรในเขตจังหวัดศรีษะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ และชัยภูมิ ปรากฏว่าหม่อนสายพันธุ์ ศก.33 สามารถให้ผลผลิตดีในแต่ละพื้นที่ทดสอบ
ลักษณะเด่นของพันธุ์ ศก.33 คือ ต้านทานต่อโรคใบด่างได้ดีกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 และนครราชสีมา 60 มีผลผลิตใบหม่อนไม่แตกต่างจากพันธุ์บุรีรัมย์ 60 และนครราชสีมา 60 มีปริมาณโปรตีนในใบหม่อนโดยเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 และนครราชสีมา 60 ใบหม่อนมีการร่วงช้ากว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ทำให้มีอายุการเก็บเกี่ยวได้นาน แต่อย่างไรก็ตามหม่อนพันธุ์นี้มีข้อจำกัดที่ท่อนพันธุ์ออกรากยาก ในการขยายพันธุ์ด้วยท่อนพันธุ์จึงต้องใช้สารกระตุ้นการงอกราก
กรมวิชาการเกษตรมีมติรับรองเป็นพันธุ์หม่อนแนะนำ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 โดยใช้ชื่อว่า “ศรีษะเกษ 33” หรือชื่อย่อ “ศก.33”

ที่มา : กรมหม่อนไหม