ดักแด้ไหม

     ดักแด้ไหมเป็นสิ่งหนึ่งที่ ได้จากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม นอกจากการนำมาบริโภคโดยตรงแล้ว ยังสามารถนำไปเลี้ยงปลาและสัตว์อื่น ๆ ทั้งนี้เพราะดักแด้ไหมมีโปรตีนสูง มีวิตามินและเกลือแร่หลายชนิดไขมันที่สกัดได้ยังนำไปผสมเพื่อทำสบู่และเทียน ไขที่มีคุณภาพสูง จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและกรดไขมันของดักแด้ไหมพันธุ์ต่างประเทศลูก ผสมพบว่า ไหมพันธุ์ต่างประเทศลูกผสมแต่ละพันธุ์ มีองค์ประกอบทางเคมีและกรดไขมันไม่แตกต่างกัน

จะเห็นได้ว่าดักแด้ไหมมีกรดไลโนเลอิคและกรดไลโนเลนิค ซึ่งกรดไขมันทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นกรดไขมันจำเป็นมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ
– ลดไขมันในเลือด ทั้งไตรกรีเซอไรด์ และโคเลสเตอรอล
– ควบคุมให้ระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ
– ลดการเกิดโรคหัวใจ
– ลดการเกิดโรคมะเร็ง
– ป้องกันการสูญเสียน้ำ ต้านรอยย่น และชะลอความแก่ของผิวหนัง

นอกจากนั้นดักแด้ไหมยังมีฟอสโฟลิปิด (phos – pholipid) ที่เป็นโครงสร้างของเยื่อเซลล์ทุกชนิด (เยื่อเซลล์สมอง เซลล์ประสาท เซลล์ตับ) จากการวิจัยพบว่าดักแด้มีฟอสโฟลิปิด 26.40% ที่ประหอบด้วยเลซิติน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายคือ
– ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
– ช่วยในการเสริมสร้างความจำ
– ป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

     การวิเคราะห์กรดอะมิโนจากดักแด้ไหมพันธุ์ต่างประเทศลูกผสม โดยใช้ดักแด้ไหมพันธุ์นครราชสีมาลูกผสม 1 อบที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส นาน 6 ชั่วโมง บดดักแด้ให้ละเอียดนำไปวิเคราะห์กรดอะมิโนซึ่งเป็นองค์ประกอบของโปรตีน จากการวิเคราะห์พบว่า ดักแด้ไหมพันธุ์นครราชสีมาลูกผสม 1 มีกรดอะมีโน 18 ชนิด ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ 8 ชนิด คือ Threonine, Valine, Methionine, Isoleucine, Leucine, Phenylalanine, Lysin, Tryptophan และกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับทารกเพิ่มอีก 1 ชนิดคือ Histidine ซึ่งกรดอะมิโนจำเป็นนี้ทั้งมนุษย์และสัตว์ไม่สามารถสังเคราะห์เองได้จำเป็น ต้องบริโภคอาหารที่มีกรดอะมิโนจำเป็นถ้าร่างกายได้รับกรดอะมิโนจำเป็นไม่ เพียงพอหรือไม่ครบทุกชนิด จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตเฉพาะทารกการย่อยและดูดซึมอาหารผิดปกติ มีอาการท้องเดิน บวมตามตัว โรคโลหิตจาง มีความผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าดักแด้ไหมมีโปรตีนสูงและเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพเนื่องจากมีกรด อะมิโนจำเป็นครบถ้วน การนำดักแด้ไหมมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

     การสกัดไขมันจากดักแด้ไหม จากการศึกษาชนิดตัวทำละลายน้ำมันจากดักแด้ไหมจำนวน 5 ชนิดคือ Hexane (AR grade), Hexane (Commercial), Diethyl ether, Phtroleum ether, Ethanol (absolute) กับดักแด้ของไหมพันธุ์เขียวสกล พันธุ์ไทยลูกผสมอุดรธานี ตัวทำละลายที่สามารถสกัดน้ำมันจากดักแด้ได้บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งเจือปนคือ สาร Hexane (AR grade) ซึ่งสามารถสกัดน้ำมันจากดักแด้เพศเมีย พันธุ์เขียวสกลได้ประมาณ 22.78% น้ำมันจากดักแด้เพศผู้ ประมาณ 30.48% และสารสกัดน้ำมันจากพันธุ์ไทยลูกผสมอุดรธานีจากดักแด้เพศเมียประมาณ 19.77% น้ำมันจากดักแด้เพศผู้ ประมาณ 29.35% องค์ประกอบกรดไขมันในน้ำมันจากดักแด้ไหมประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid; SFA) มี Palmitic acid, Stearic acid กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acid; UFA) มี Palmitoleic acid, Oleic acid, Linoleic acid และ Linolenic acid

     จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของไขมันและโปรตีนจากดักแด้ไหมของพันธุ์ไทย ลูกผสมอุดรธานีซึ่งได้ทำการแยกวิเคราะห์ดักแด้ไหมอบแห้งและบดกับดักแด้ไหม ที่ได้สกัดน้ำมันออกแล้ว โดยทำการสกัดน้ำมันด้วยตัวทำละลาย Hexane (AR grade) โดยที่ปริมาณของโปรตีนและฟอสโฟลิปิดของดักแด้ไหมที่สกัดน้ำมันออกแล้วจะ มากกว่าดักแด้ไหมที่อบแห้งและบด จะมีปริมาณโปรตีนประมาณ 67.80% ฟอสโฟลิปิดประมาณ 30.36% องค์ประกอบของกรดไขมัน จะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์อยู่ 4 ชนิด คือ Palmitoleic acid (C16:1) มีปริมาณ 0.66 – 0.91% Oleic acid (C18:1) มีปริมาณ 8 – 34% Linoleic acid (C18:2) มีประมาณ 6 – 12% และ Linolenic acid (C18:3) มีปริมาณ 28 – 33% จะมีปริมาณมากกว่ากรดไขมันชนิดอิ่มตัว ที่มีอยู่ คือ Palmitic acid (S16:0) มีปริมาณ 21 – 23% และ Stearic acid (C18:0) มีปริมาณ 5 – 10%

ที่มา : กรมหม่อนไหม